โปรแกรม Juvelook นวัตกรรม Hybrid Biostimulator เพื่อผิวสวยสุขภาพดี

Juvelook  คืออะไร

      Juvelook เป็น Hybrid Biostimulator รุ่นใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลี ที่ผสมผสานประสิทธิภาพของ Poly-D,L-lactic acid (PDLLA) และ Hyaluronic Acid (HA) เข้าด้วยกัน  ด้วยเทคโนโลยีอนุภาคขนาด 10-40 ไมโครเมตร Juvelook สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลไกการทำงานเป็นเอกลักษณ์

PDLLA: กระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว

     PDLLA ใน Juvelook ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย การศึกษาทางคลินิกพบว่า PDLLA สามารถปรับปรุงความแน่นและความชุ่มชื้นของผิว ลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นได้อย่างมีนัยสำคัญ

HA: เติมความชุ่มชื้นทันที

   ส่วนประกอบ HA ใน Juvelook ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวทันที ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอย HA ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเซลล์ผิว ส่งเสริมประสิทธิภาพของ PDLLA ในการกระตุ้นคอลลาเจน

Juvelook เหมาะกับใคร

Juvelook เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้: 

  • ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน
  • ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  • มีริ้วรอยตื้นและลึก เช่น รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา
  • รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
  • มีปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็น
  • ผิวสูญเสียคอลลาเจน ขาดความยืดหยุ่น
  • มีรอยแตกลายตามร่างกาย
  • ต้องการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสขึ้น

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของ Juvelook

Juvelook ข้อดี

  1. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ
  2. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง
  3. ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  4. ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับสภาพผิวให้เนียนนุ่ม
  5. ช่วยลดรอยหลุมสิว แผลเป็น และรอยดำให้จางลง
  6. ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  7. มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก FDA และ CE

Juvelook ข้อเสีย

  1. อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปใน 1-2 วัน
  2. ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Juvelook
  3. ผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวผิดปกติไม่ควรใช้
  4. ไม่แนะนำสำหรับสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
  5. ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทรีตเมนต์อื่น
  6. ต้องทำหลายครั้งเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

Juvelook กับ Filler ต่างกันไหม

Juvelook และ Filler มีความแตกต่างกันทั้งในแง่กลไกการทำงานและเป้าหมายการรักษา

กลไกการทำงาน 

  • Juvelook: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติ ผลลัพธ์ค่อยๆ ปรากฏ
  • Filler: เติมเต็มด้วยสาร HA โดยตรง ให้ผลลัพธ์ทันที

ระยะเวลอยู่ในผิว

  • Juvelook: ให้ผลลัพธ์ยาวนาน 12-18 เดือน
  • Filler: อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของ Filler

เป้าหมายการรักษา

  • Juvelook: ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เช่น ความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น
  • Filler: เน้นการเติมเต็มและปรับรูปหน้าเฉพาะจุด

Juvelook กับ Filler ฉีดด้วยกันได้ไหม

Juvelook สามารถใช้ร่วมกับ Filler ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยทั้งสองวิธีจะเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน:

  1. สามารถฉีดพร้อมกันได้ เนื่องจาก Juvelook และ Filler ฉีดในชั้นผิวที่ต่างกัน
  2. Juvelook จะช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม ในขณะที่ Filler จะช่วยเติมเต็มเฉพาะจุด
  3. ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เช่น ลำดับการฉีด หรือระยะเวลาระหว่างการฉีดแต่ละชนิด

วิธีเช็ค Juvelook ของแท้

เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา ควรตรวจสอบความแท้ของ Juvelook ดังนี้8:

  1. สแกน QR Code บนสติ๊กเกอร์ฮาโลแกรมที่กล่อง ซึ่งจะแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายยืนยัน
  2. ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับจำหน่ายในประเทศไทย
  3. ดูโลโก้บริษัท จูวีเทค จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย
  4. ตรวจสอบข้อมูลการเก็บรักษา คำเตือน และที่อยู่ผู้นำเข้าเป็นภาษาไทยบนกล่อง
  5. ดูเลขทะเบียนใบอนุญาตเครื่องมือแพทย์บนกล่อง
  6. ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ได้รับการรับรองทางเว็บไซต์ทางการของ Juvelook

การเลือกใช้บริการจากคลินิกที่ได้รับการรับรองและตรวจสอบความแท้ของผลิตภัณฑ์จะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการรักษาด้วย Juvelook

ประโยชน์ของ Juvelook:

  • ลดริ้วรอยและรอยตีนกา
  • เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  • กระชับรูขุมขน
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
  • ลดรอยแผลเป็นจากสิว
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • ลดรอยคล้ำใต้ตา
  • ปรับโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ
  • ลดรอยย่นบริเวณคอและหน้าอก
  • ฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • ลดรอยแตกลาย
  • ปรับปรุงพื้นผิวให้เรียบเนียน
  • เพิ่มความสดใสให้ผิวหน้า

ประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์

    การศึกษาทางคลินิกโดย Seo et al. พบว่า การใช้ Juvelook ร่วมกับ NHA สามารถปรับปรุงความยืดหยุ่น ความแน่น และความชุ่มชื้นของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การศึกษาโดย Ma et al. แสดงให้เห็นว่าการฉีด PDLLA ทุก 3 เดือนสามารถปรับปรุงพื้นผิว ความยืดหยุ่น และความสว่างของผิวหนังบริเวณหลังมือได้โดยไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง

ความปลอดภัยที่ได้รับการรับรอง

Juvelook ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากหน่วยงานสำคัญระดับโลก ได้แก่:

  • U.S. Food and Drug Administration (FDA)

  • Korean Food and Drug Administration (KFDA)

  • CE certification (ยุโรป)

  • Singapore’s Health Sciences Authority (HSA)4

การรับรองเหล่านี้แสดงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ Juvelook ในการใช้งานทางการแพทย์

ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

Juvelook สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 18 เดือน เมื่อใช้ตามคำแนะนำ3 โดยผู้ใช้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ:

  • ทันทีหลังการรักษา: เห็นผลการเติมเต็มบริเวณที่ฉีด

  • 2-4 สัปดาห์: HA เริ่มสลายตัว PDLLA เริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • 6 เดือน: การสร้างคอลลาเจนถึงจุดสูงสุด ผิวเต่งตึง รูขุมขนกระชับ

Juvelook เป็นนวัตกรรม Hybrid Biostimulator ที่ผสมผสานประสิทธิภาพของ PDLLA และ HA เพื่อการฟื้นฟูผิวอย่างครบวงจร ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนและเพิ่มความชุ่มชื้น ผลการศึกษาทางคลินิกและการรับรองจากหน่วยงานสำคัญระดับโลกยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Juvelook ในการปรับปรุงคุณภาพผิวอย่างยั่งยืน

Q&A คำถามที่พบบ่อย

Juvelook ราคาเท่าไร?

ราคา Juvelook มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิกและโปรโมชั่น โดยทั่วไปมีราคาดังนี้:

  • 15,000 – 25,000 บาทต่อ 1 ขวด (6 cc)
  • 15,500 บาท สำหรับ 1 ขวด 6 cc (ราคาโปรโมชั่น)
  • 15,900 บาทต่อ 1 ขวด2
  • 19,900 บาทต่อ 1 ขวด (ราคาปกติ)12

ราคาของCharmer Clinic เริ่มต้น CC ละ 2,500.- เหมายกขวด 14,900.- 

ควรระวังหากพบราคาที่ต่ำกว่านี้มาก เนื่องจากอาจเป็นผลิตภัณฑ์ปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย

Juvelook สามารถเติมใต้ตาได้ไหม

Juvelook สามารถใช้เติมบริเวณใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหนึ่งในจุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้:

  • Juvelook ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานในบริเวณที่บอบบางอ่อนไหว เช่น ใต้ตาและร่องน้ำตา1
  • ด้วยอนุภาคขนาดเล็กเพียง 10-40 ไมโครเมตร Juvelook สามารถเข้าถึงริ้วรอยละเอียดใต้ตาที่ฟิลเลอร์ทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้5
  • Juvelook ช่วยลดเลือนรอยคล้ำใต้ตา เติมเต็มร่องลึก และปรับปรุงพื้นผิวบริเวณรอบดวงตา23
  • การฉีด Juvelook ใต้ตาช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความชุ่มชื้น และปรับปรุงความยืดหยุ่นของผิวในระยะยาว4
  • มีทางเลือกในการฉีด 2 วิธี คือ การใช้แคนนูลาและการใช้ระบบ Dermashine Pro Micro Injection ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล3

Juvelook จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงบริเวณใต้ตา โดยให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำการรักษา

Juvelook ฉีดกี่ครั้งเห็นผล?

Juvelook สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การฉีดครั้งแรก แต่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้ฉีดดังนี้:

  • ฉีด 3 ครั้ง ต่อเนื่องกันเดือนละครั้ง
  • หลังจากฉีดครั้งแรก จะเห็นผลทันทีว่าริ้วรอยดูตื้นขึ้นเล็กน้อย
  • 2-4 สัปดาห์หลังฉีด PDLLA จะเริ่มกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
  • ผลลัพธ์จะชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือน

Juvelook 1 ขวดอยู่ได้กี่เดือน?

ผลลัพธ์ของ Juvelook สามารถอยู่ได้นานดังนี้:

  • 12-18 เดือน โดยทั่วไป
  • สูงสุดถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและการใช้ชีวิตของแต่ละคน
  • แนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุก 6-12 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ ไลฟ์สไตล์ และสภาพผิว

รีวิว จากผู้รับบริการจริง