โปรแกรม Sculptra คืออะไร? วิธีฟื้นฟูผิวที่เห็นผลจริง!...รู้ก่อนตัดสินใจ

Sculptra คืออะไร 

    Sculptra เป็นนวัตกรรมการรักษาเพื่อฟื้นฟูผิวที่ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา โดยใช้สาร Poly-L-lactic acid (PLLA) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ผลการศึกษาทางคลินิกแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว

ประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

การศึกษาทางคลินิกหลายชิ้นได้ยืนยันประสิทธิภาพของ Sculptra:

  • การศึกษาในผู้ป่วย HIV พบว่า Sculptra เพิ่มความหนาของผิวหนังได้ถึง 3 เท่า และคงอยู่นานกว่า 2 ปี
  • งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้อย่างมีนัยสำคัญภายใน 6 เดือนหลังการฉีด
  • การศึกษาเปรียบเทียบพบว่า Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าและยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์คอลลาเจนแบบดั้งเดิม

กลไกการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ ของ Sculptra

Sculptra ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังลึก: 

  • เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง PLLA จะกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของเซลล์ไฟโบรบลาสต์
  • ผลการศึกษาล่าสุดพบว่า Sculptra กระตุ้นการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมากกว่าสารกระตุ้นชีวภาพชนิดอื่น

ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ

  • ผลการรักษาด้วย Sculptra สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า
  • การศึกษาพบว่า 71.6% ของผู้เข้าร่วมการวิจัยยังคงเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนหลังผ่านไป 12 เดือน
  • มากกว่า 84% ของผู้ป่วยรายงานว่าได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

ความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ

Sculptra ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2004 สำหรับการรักษาภาวะไขมันใต้ผิวหนังบางในผู้ป่วย HIV และมีการใช้งานทางการแพทย์มาตั้งแต่ปี 1999 โดยมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ชิ้น

การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด Sculptra เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่มีประสบการณ์เพื่อประเมินความเหมาะสมและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคล

ประโยชน์ของ Sculptra

Sculptra ช่วยในเรื่องต่อไปนี้ :

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว
  • เพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับให้กับผิว
  • ลดเลือนริ้วรอยลึกและร่องแก้ม
  • เพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้าที่หย่อนคล้อย
  • ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

ผู้ที่เหมาะกับการใช้ Sculptra

Sculptra เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-65 ปี ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยและการหย่อนคล้อยของผิว
  • ผู้ที่มีผิวหนาพอสมควร ไม่บางจนเกินไป
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป

ข้อดีของ Sculptra

  • ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
  • ใช้งานมานานและมีความปลอดภัยสูง

ข้อเสียของ Sculptra

  • ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่
  • อาจเกิดผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น บวม แดง หรือจ้ำเลือด
  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ทั่วไป
  • ต้องการความเชี่ยวชาญในการฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ความแตกต่างระหว่าง Sculptra และ Filler

Sculptra และ Filler มีความแตกต่างดังนี้:

  • Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในขณะที่ Filler เติมเต็มทันที
  • Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป ส่วน Filler ให้ผลทันที
  • Sculptra อยู่ได้นานกว่า (2 ปีขึ้นไป) เทียบกับ Filler (6-18 เดือน)
  • Sculptra เหมาะกับการเพิ่มปริมาตรทั่วใบหน้า ส่วน Filler เหมาะกับการแก้ไขจุดเฉพาะ

การใช้ Sculptra ร่วมกับ Filler

สามารถใช้ Sculptra ร่วมกับ Filler ได้ โดยมีข้อควรระวังดังนี้:

  • ควรฉีดในบริเวณที่ต่างกัน เช่น Sculptra ที่ขมับ และ Filler ที่ใบหน้าส่วนล่าง
  • ไม่ควรฉีดในบริเวณเดียวกันในครั้งเดียว ควรรอ 2-4 สัปดาห์
  • การใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสมสามารถเสริมผลลัพธ์ซึ่งกันและกันได้

Sculptra กับ AestheFill แตกต่างกันอย่างไร

Sculptra และ  AestheFill : ความแตกต่างในความนิยมและระยะเวลาคงอยู่ 

AestheFill และ Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่มีความแตกต่างกันในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของความนิยมและระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

1. ความนิยมและชื่อเสียง

  • Sculptra: มีชื่อเสียงและความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีประวัติการใช้งานยาวนานกว่า 25 ปี และได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะตัวกระตุ้นคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพสูง 

  • AestheFill: เป็นนวัตกรรมใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม แต่ยังไม่มีประวัติการใช้งานยาวนานเท่ากับ Sculptra

2. ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

  • Sculptra: ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่การฉีดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

  • AestheFill: ก็มีผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานเช่นกัน แต่อาจไม่ยาวนานเท่ากับ Sculptra ในบางกรณี โดยทั่วไปผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 2 ปี

3. กลไกการทำงาน

  • Sculptra: ใช้ poly-L-lactic acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่มีการวิจัยและใช้งานมาอย่างยาวนานในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • AestheFill: ใช้ poly-DL-lactic acid (PDLLA) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีกลไกการทำงานคล้ายกันแต่มีอนุภาคที่เล็กกว่า ทำให้สามารถกระจายตัวได้ดีขึ้น 

     โดยรวมแล้ว Sculptra มีความนิยมและชื่อเสียงมากกว่าเนื่องจากมีประวัติการใช้งานยาวนานและผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานกว่า แต่ AestheFill ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป

Radiesse และ Sculptra: ความแตกต่างในแนวทางการฟื้นฟูใบหน้า

Radiesse และ Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการฟื้นฟูใบหน้า แต่มีจุดเน้นและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน

Radiesse: การเพิ่มวอลุ่มใบหน้า

  • การเพิ่มวอลุ่มทันที: Radiesse ใช้ calcium hydroxylapatite (CaHA) เพื่อให้ปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาการสูญเสียวอลุ่มใบหน้า เช่น รอยยิ้มและรอยเหี่ยวที่รอบปาก 
  • ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นาน: ผลลัพธ์ของ Radiesse สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี โดยมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น
  • การใช้งานที่หลากหลาย: Radiesse สามารถใช้เพื่อเพิ่มวอลุ่มใบหน้าและแก้ไขริ้วรอยลึก รวมถึงการฟื้นฟูมือ 

Sculptra: การฟื้นฟูใบหน้าทั้งหมด

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: Sculptra ใช้ poly-L-lactic acid (PLLA) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิวหนัง ทำให้เหมาะสำหรับการฟื้นฟูใบหน้าทั้งหมด เช่น การเพิ่มปริมาตรที่ขมับ แก้ม และจุดอื่นๆ
  • ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไป: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปและคงอยู่ได้นานถึง 2 ปีหรือมากกว่า เนื่องจากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างช้าๆ 
  • การฟื้นฟูที่เป็นธรรมชาติ: Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 โดยรวมแล้ว Radiesse เหมาะสำหรับการเพิ่มวอลุ่มใบหน้าและแก้ไขริ้วรอยลึกทันที ในขณะที่ Sculptra เหมาะสำหรับการฟื้นฟูใบหน้าทั้งหมดด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

วิธีตรวจสอบ Sculptra ของแท้

สามารถตรวจสอบ Sculptra ของแท้ได้ดังนี้:

    • มีสติกเกอร์โมโนแกรมปิดด้านบนกล่อง
    • มีเอกสารภาษาไทยและเลข อย. ที่กล่อง
    • มีลายน้ำนูนรูปตัว S บนกล่อง
    • มี QR Code ให้สแกนผ่าน eZTracker
    • ขวดปิดซีลสนิท ภายในเป็นผงแห้ง
    • ตรวจสอบชื่อผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตรงกับเว็บไซต์ผู้ผลิต
    • สังเกตคุณภาพบรรจุภัณฑ์ ฉลาก และข้อมูลบนกล่อง

ราคา Sculptra

ราคา Sculptra ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ:

    • 29,000 – 35,000 บาทต่อขวด (5 cc)
    • โดยทั่วไปแนะนำให้ซื้อเป็นชุด 2-3 ขวดเพื่อความคุ้มค่า

ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานที่และแพคเกจที่เลือก เช่น: 

  • 1 ขวด: 29,000 บาท
  • 2 ขวด: 50,000 บาท
  • 3 ขวด: 75,000 บาท
  • 4 ขวด: 100,000 บาท

จำนวนครั้งที่ฉีดเพื่อเห็นผล

โดยทั่วไป:

  • ต้องฉีด 3 ครั้งห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์เพื่อให้เห็นผลชัดเจน
  • ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ภายใน 2-3 เดือนหลังการฉีดครั้งแรก
  • ผลลัพธ์สุดท้ายมักเห็นได้หลังจาก 6 เดือน
  • ส่วนใหญ่ต้องการฉีด 3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยแต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน

เมื่อได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ผลของ Sculptra จะอยู่ได้นานถึง 2 ปี แต่แนะนำให้ฉีดเติมทุกปีเพื่อรักษาผลลัพธ์

บทสรุป  โดยรวมแล้ว Sculptra เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพยาวนาน การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีด Sculptra เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง

บทความที่เกี่ยวข้อง

  • All Posts
  • ฟิลเลอร์

บทความอื่น ๆ

  • All Posts
  • ข่าวสาร
  • ปรับรูปหน้า
  • ฟิลเลอร์
  • วิตามินผิว
  • สลายไขมัน
  • เมโสหน้าใส
  • เลเซอร์